fic KNB - AkaKuroC Cafe Love ไอรักกลิ่นวานิลลา พาเรามาพบกัน
จะเป็นอย่างไร เมื่อ 'คุโรโกะ' สาวน้อยน่ารัก ทำงานที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง และอยู่ดีๆ 'อาคาชิ' ก็ปรากฏตัวขึ้นมา กลิ่นอายความรู้สึกที่แซกซ้อนอยู่ในไอเย็นของวานิลลาเชค จะเป็นอย่างไร?
ผู้เข้าชมรวม
2,038
ผู้เข้าชมเดือนนี้
11
ผู้เข้าชมรวม
Cafe Love ไอรักกลิ่นวานิลลา พาเรามาพบกัน
จะเป็นอย่างไร เมื่อ 'คุโรโกะ' สาวน้อยน่ารัก ทำงานที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง และอยู่ดีๆ 'อาคาชิ' ก็ปรากฏตัวขึ้นมา กลิ่นอายความรู้สึกที่แซกซ้อนอยู่ในไอเย็นของวานิลลาเชค จะเป็นอย่างไร?
-------
- คุโรโกะและตัวละครบางตัวผู้หญิงนะคะ -
- อาจมีหลุดคาแรคเตอร์ หรือรั่วๆ บ้าง ขออภัยค่ะ -
- แต่งขึ้นด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ไม่สนุกขออภัย -
- จะพยายามแก้ไขคำผิดเรื่อยๆ นะคะ -
-------
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ฝากติชมด้วยนะคะ ^^
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Cafe Love ไอรักกลิ่นวานิลลา พาเรามาพบกัน
...เรื่องทั้งหมด....
...เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ณ Seirin Café
กรุ๊งกริ๊งๆ ๆ ๆ
“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะคุณลูกค้า มากี่ท่านคะ?” ฉันที่เป็นพนักงานของร้านกาแฟแห่งนี้กล่าวทักทายต้อนรับลูกค้าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ของฉัน
“พนักงานไปไหนกันนะ....” ลูกค้าที่เดินเข้ามาเมื่อสักครู่พึมพำขึ้นพลางหันซ้ายหันขวา
“เอ่อ...คุณลูกค้าคะ”
“เย้ย!!!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย!?” ลูกค้าคนเดิมหันมาตามน้ำเสียงของฉันด้วยความตกใจ เฮ้อ...ก็เป็นอย่างนี้ทุกที
ฉันคือ ‘คุโรโกะ เท็ตสึยะ’ ค่ะ เป็นนักเรียน ม.ปลาย โรงเรียนเซย์ริน ฉันมักจะจืดจาง และถูกลืมอยู่เสมอ บ่อยครั้งที่ฉันทักทาย พูดคุย หรือทำอะไร แล้วจะไม่มีใครได้ยิน หรือมองเห็น อื้ม....เรียกว่าถูกเมินไปโดยปริยายก็ว่าได้ค่ะ
“ขออภัยที่ทำให้ตกใจค่ะ” ในเมื่อไม่มีทางเลือก ฉันก็คงต้องกล่าวเชิงขอโทษไปแบบนั้น “มากี่ท่านคะ?” ฉันทวนคำถามเดิม
“สี่ที่ครับ”
“เชิญทางด้านนี้ค่ะ” หลังจากที่ลูกค้าพูดจบฉันก็เดินนำไปยังโต๊ะบริเวณด้านในของร้าน
เซย์รินคาเฟ่แห่งนี้ พึ่งเปิดบริการไม่นาน และเจ้าของร้านคือ ‘คิโยชิ เทปเป’ ผู้เป็นรุ่นพี่ของฉัน โดยมีหุ้นส่วนก็คือ ‘ฮิวงะ จุนเป’ เมื่อฉันรู้ว่ารุ่นพี่เปิดรับพนักงานฉันก็รีบมาสมัครโดยทันที
ร้านนี้ไม่ได้อยู่กลางใจเมือง ทำให้ลูกค้าไม่ค่อยมาก และไม่วุ่นวาย ส่วนมากมักจะเป็นลูกค้าคนเดิมหรือเจ้าประจำ ซึ่งนั้นก็ไม่ได้ทำให้ทางร้านขาดทุนอะไร แต่ก็ไม่ได้เลิศเลอถึงขนาดนั้นซะทีเดียว...
เริ่มต้นอาจจะไม่ดี ต้องฝึกฝน และใช้เวลานั้นแหละค่ะ
“รับอะไรดีคะ?” ฉันหยิบกระดาษและปากกาในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนขึ้นมาเตรียมจดออเดอร์
“ไอศกรีมช็อกโกแลตสองถ้วย สตอเบอร์รี่ชีสเค้กหนึ่ง และก็วาฟเฟิลลูกเกด ค่ะ ^^” เด็กผู้หญิงหนึ่งในกลุ่มลูกค้าเมื่อครู่สั่งออเดอร์ขนมหวานต่างๆ นานา ของตนเองและของเพื่อนๆ
“รับเครื่องดื่มอะไรเพิ่มไหมคะ?” ฉันจดออเดอร์ของหวานเสร็จก็เอ่ยถาม
“อื้ม....ผมเอาโกโก้ปั่น”
“ฉันลาเต้ร้อนแล้วกัน”
“น้ำเปล่าก็พอ”
“อ่า...ของฉันก็น้ำเปล่า”
“ขอทวนออเดอร์นะคะ ของหวานรับเป็น ไอศกรีมช็อกโกแลต สองที่ สตอเบอร์รี่ชีสเค้ก และวาฟเฟิลลูกเกด อย่างละหนึ่ง ส่วนเครื่องดื่ม โกโก้ปั่น ลาเต้ร้อน อย่างละหนึ่ง และน้ำเปล่าสองที่นะคะ” ฉันทวนออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งอีกครั้ง
“ค่ะ ^^”
“รอสักครู่นะคะ” ฉันโค้งเล็กน้อยเป็นมารยาทก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม
“คากามิคุงคะ ออเดอร์เครื่องดื่มลูกค้าโต๊ะสาม โกโก้ปั่นกับลาเต้ร้อนค่ะ” ฉันวางใบออเดอร์ลงบนเคาน์เตอร์ ก่อนจะอ่านออเดอร์เครื่องดื่มที่เจ้าของผมสีแดงเพลิง ‘คากามิ ไทกะ’ เพื่อนร่วมห้องของฉันเป็นส่วนรับผิดชอบ
“อุ๊ส! เข้าใจแล้ว โกโก้กับลาเต้สินะ...” คากามิคุงมองใบออเดอร์เล็กน้อยก่อนจะลงมือทำเครื่องดื่มตามรายการที่เห็น
“รุ่นพี่มิโตเบะคะ ออเดอร์ของหวานเป็น วาฟเฟิลลูกเกิดนะคะ”
“(_ _) (- -) (_ _)” เมื่อ ‘มิโตเบะ รินโนะสุเกะ’ เพื่อนของรุ่นพี่ฮิวงะ ผู้รับผิดชอบส่วนของหวานได้ยินอย่างนั้น ก็พยักหน้าเชิงรับรู้ ตั้งแต่ฉันทำงานที่นี่มา ฉันไม่เคยได้ยินเสียงของรุ่นพี่มิโตบะเลย แต่เขาเป็นคนดีมากๆ เลยละค่ะ
“แล้วก็รุ่นพี่อิสึกิคะ ไอศกรีมช็อกโกแลตสองถ้วยค่ะ ฝากด้วยนะคะ”
“เข้าใจแล้ว! ได้ยินแล้วแทบช็อค...ตั้งสองช็อกโกแลต… มุกนี้เข้าท่า!!! ต้องจดไว้ๆ” ‘อิสึกิ ชุน’ เพื่อนอีกคนหนึ่งของรุ่นพี่ฮิวงะ เขามักจะเล่นมุกเล่นคำอยู่บ่อยๆ และคอยจดบันทึกมุกพวกนั้นอยู่ตลอด
“อีกครั้งแล้วสิน๊าาา ที่คุโรโกะยืนต้อนรับลูกค้า แล้วทำให้พวกเขาตกใจเนี้ย”
“ต้องขอโทษด้วยค่ะคุณผู้จัดการ” ฉันโค้งขอโทษให้ผู้จัดการร้าน ‘ไอดะ ริโกะ’ ที่คอยดูแลและบริหารร้านมาโดนตลอด
“ไม่เป็นไรๆ อย่าคิดมากเลย แต่ว่าน๊าาา น่าจะให้อิสึกิไปต้อนรับบ้างก็ดี เดี๋ยวฉันจะช่วยเรื่องอาหารแทนเอง”
“ขอปฏิเสธอย่างแรงค่ะ/ครับ!!!” ทุกคนเมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้จัดการริโกะพูดก็ถึงกับปฏิเสธเสียงดัง...
“(- - )( - -)(- - )!!!” มีเพียงรุ่นพี่มิโตเบะที่ไม่พูดอะไร เพียงแต่ส่ายหน้ารัวๆ ด้วยสีหน้าหวาดกลัวอย่างแรง
เพราะอะไรน่ะเหรอคะ...?
รุ่นพี่ฮิวงะกับรุ่นพี่เทปเปบอกว่า...อย่างให้ผู้จัดการริโกะแตะอาหารหรือเครื่องดื่มเป็นอันขาด....ไม่อย่างนั้น
....ร้านนี้จะกลายเป็นสถานที่ฆาตกรรม...
ส่วนเรื่องที่ไม่ให้รุ่นพี่อิสึกิยืนต้อนรับ
ก็เพราะมุกเล่นคำนั้นแหละค่ะ....
“ให้คุโรโกะยืนต้อนรับกับพวกฟุริฮาตะน่ะดีแล้วๆ คุโรโกะ เครื่องดื่มเสร็จแล้ว” คากามิแสดงความเห็นเล็กน้อยก่อนจะวางแก้วโกโก้ปั่นกับลาเต้ร้อนลงบนถาดบนเคาน์เตอร์
“ไอศกรีมช็อกโตแลตกับวาฟเฟิลก็ได้แล้ว” รุ่นพี่อิสึกิรับวาฟเฟิลจากรุ่นพี่มิโตบะมาวางบนถาดพร้อมกับไอศกรีมสองถ้วยที่พึ่งตัดเสร็จไม่นาน
“ขอโทษนะคะ! ฉันมาแล้วค่ะๆ คุยโทรศัพท์นานไปหน่อย ขอโทษนะคะ _ _” ‘ฟุริฮาตุ โคคิ’ เพื่อนของฉันที่ยืนต้อนรัยลูกค้าด้วยกันเดินกลับเข้ามาในร้านพลางขอโทษที่โดดงาน (?) ไปคุยโทรศัพท์ยกใหญ่ “ฉันจะไปเสริฟเองค่ะ โต๊ะไหนเหรอคุโรโกะ?”
“โต๊ะสามค่ะ แล้วก็น้ำเปล่าอีกสองแก้ว” ผมตอบคำถามของฟุริฮาตะพร้อมกับบอกออเดอร์นอกเหนือจากในถอด
“เข้าใจแล้ว นั้นฉันยกไปเสริฟก่อนนะคะ! ^^” ฟุริฮาตะพูดจบก็ยกถาดไปเสริฟที่โต๊ะลูกค้าทันที
กรุ๊งกริ๊งๆ
“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ” เมื่อฉันได้ยินเสียงกระดิ่งประตูร้านก็รีบเดินไปต้อนรับลูกค้าทันที “มากี่ท่านคะ”
“ผมมาคนเดียว เท็ตสึยะ” เสียงของลูกค้าดังขึ้นทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงอย่างน่าประหลาด...
ผู้ชายร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีเรียบกับกางเกงขายาว รองเท้าหนังแบรนด์ดัง แสดงถึงฐานะผู้ดี
ผมที่มีดีแดงสดกว่าของคากามิคุง และนัยน์ตาสองสีที่มองมาที่ฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก
ใช่.... ฉันรู้จักเขาคุณนี้
“คุณมาทำอะไรที่นี่คะ อาคาชิคุง” ทำไมฉันจะไม่รู้จักเขาละ...
‘อาคาชิ เซย์จูโร่’ เจ้าของภัตตาคารเทย์โคว เจ้านายเก่าของฉัน ที่ไล่ฉันออกโดยไม่ฟังฉันสักคำ....
ดูเหมือนตอนนี้จะเป็นเจ้าของภัตตาคารราคุซันด้วย....
“แหม่ ยังจำฉันได้อยู่อีกเหรอเท็ตสึยะ” รอยยิ้มที่มีเลศนัยของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง “พูดกับลูกค้าแบบนี้จะดีเหรอ?”
“ขออภัยที่เสียมารยาทค่ะ” ฉันโค้งเชิงขอโทษส่งๆ และดูเหมือนอาคาชิคุงจะไม่ใส่ใจมันเท่าไหร่ “มาท่านเดียวเชิญนั่งที่เคาน์เตอร์ค่ะ” ฉันพูดจบก็ผายมือไปที่เคาน์เตอร์
“แต่ผมไม่อยากนั่งเคาน์เตอร์ ผมต้องการความสงบ” อาคาชิคุงแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อฉันให้เขานั่งที่เคาน์เตอร์
“นั้นเชิญที่นั่งเดี่ยวบริเวณหน้าร้านค่ะ” ฉันพูดจบก็ผายมือไปที่หน้าประตูที่เขาเข้ามา
“ใจร้ายจังเท็ตสึยะ ผมนั่งคนเดียวมันเหงานะ นั่งกับผมไม่ได้เหรอ?”
“ขอปฏิเสธค่ะ” ใครจะไปอยากนั่งกับคนที่ไล่ฉันออกจากงานละ “แล้วนี่ก็เป็นเวลางานของฉันด้วยค่ะ” ฉันเอาเรื่องงานมาอางทันที
“แย่จังเลยน๊าาา คุณผู้จัดการริโกะครับ ผมขอยืมตัวเท็ตสึยะไปนั่งดื่มอะไรที่โต๊ะสักครู่หนึ่งจะได้ไหมครับ?” คราวนี้อาคาชิคุงหันไปถามผู้จัดการริโกะ ผู้มอบหมายงานและหน้าที่ฉัน
ถึงจะขอผู้จัดการก็เถอะ ในเวลางานแบบนี้
...ใครเขาจะให้กัน...
“ได้สิจ๊ะ^^” นั้นคือคำตอบของผู้จัดการริโกะ
เห็นไหมละ ฉันบอกแล้ว
.
.
.
อะไรนะ!!!!!?
“ขอบคุณครับ นั้นผมไปนั่งรอโต๊ะข้างนอกนะ เท็ตสึยะ : )” อาคาชิคุงพูดจบก็ออกไปนั่งรอที่โต๊ะหน้าร้าน
“ผู้จัดการคะ!!!!!”
“คุโรโกะ นี่ก็ถึงเวลาพักของเธอแล้ว ไปพักกับอาคาชิสักหน่อยจะเป็นไรไป ^O^” ผู้จัดการริโกะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ท่าทางร่าเริงแบบนี้ คงจะมีความสุขเอามากๆ
แต่ฉันไม่มีความสุข!
“ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะค่ะ ทำไมต้องให้ฉันไปนั่งกับเขาด้วยละคะ คุณก็รู้นี่ว่า..”
“ฉันรู้ๆ เขาเป็นเจ้านายเก่าเธอ และตอนนี้เขาก็เป็นเจ้าของภัตตาคารราคุซันชื่อดัง เธอก็ไปคุยกับเขา แล้วลองถามเรื่องการบริหารร้านมา แล้วมาบอกฉัน เพื่อประโยชน์ของร้านเราไง! ^O^” ที่แท้ก็เพื่อผลประโยชน์ของร้าน ไม่น่าละ ถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“แต่ฉันไม่อยากทำนี่คะ...” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ เล็กน้อย
“คุโรโกะไม่รักร้านนี้เหรอ?” คราวนี้ฟุริฮาตะเดินมาจากข้างหลังฉันพูดขึ้น
“ก็รักสิคะ รักมากๆ เลยด้วย” ร้านนี้ให้หลายๆ อย่างกับฉัน ทั้งเพื่อน ความสุข ความสนุกสนาน หลายๆอย่าง ทำให้ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นที่อบอวลอยู่ในร้าน ทั้งร้านนี้ และทุกคนที่นี่ มีความหมายกับฉันมากจริงๆ
“งั้นก็ช่วยกันหน่อยนะ คุโรโกะ ^^” ผู้จัดการพูดอีกครั้ง
เฮ้อ...ช่วยไม่ได้...
“งั้นก็ได้ค่ะ” ฉันถอดผ้ากันเปื้อนที่ผูกอยู่ที่เอวออก และส่งมันให้กับผู้จัดการริโกะ “ฉันจะพยายามค่ะ” พูดจบฉันก็เดินออกนอกร้าน แล้วตรงที่โต๊ะที่อาคาชิคุงนั่งอยู่ทันที
เพื่อความสุขของทุกๆคน ถ้าเทียบกับรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และเงินเดือน (?) ที่พวกเขามอบให้ฉัน เรื่องแค่นี้มันก็คงไม่หนักหนาอะไรมากมาย...
“ขอโทษที่ให้รอค่ะ”
“ไม่เป็นไร นั่งลงสิเท็ตสึยะ” อาคาชิมองมาที่ฉันด้วยนัยน์ตาสองสีที่ฉันไม่เคยอ่านมันออกเลยสักครั้ง
“ขอบคุณค่ะ” ฉันกล่าวขอบคุณก่อนที่จะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา
“รับอะไรดีคะ ^^” ฟุริฮาตะเดินออกมารับออเดอร์ตามหน้าที่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“ผมรับเป็น...-”
“ที่นี่ไม่มีเต้าหู้นะคะ” ฉันพูดขัดขึ้นมาก่อนที่อาคาชิคุงจะสั่งออเดอร์
“ผมรู้เท็ตสึยะ...” อาคาชิทอดสายตามามองฉันด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อยก่อจะหันไปสั่งออเดอร์ “คาปูชิโน่ร้อนก็แล้วกันครับ”
“แล้วคุโรโกะละ?” ฟุริฮาตะหันมามองทางฉันก่อนจะเอ่ยถาม
“ขอบคุณนะ แต่ไม่ดีกว่า” ฉันปฏิเสธเพราะฉันรู้สึกกินอะไรไม่ลง เมื่อต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับคนแบบนี้
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกๆ นี่ไม่ใช่เวลางาน ผู้จัดการไม่ดุหรอก ดื่มอะไรหน่อยไหม? ^^” ฟุริฮาตะถามฉันอีกครั้ง
“ฉันว่าฉันไม่-”
“วานิลลาเชค แล้วกันครับ : )”
“อาคาชิคุง!!!” ฉันยังพูดปฏิเสธไม่ทันจบ อาคาชิคุงก็พูดขัดขึ้นมา (รู้สึกเหมือนเข้าตัวเอง)
“นั้น คาปูชิโน่ร้อน กับวานิลลาเชคนะ รอสักครู่นะคะ^^” ฟุริฮาตะคุงทวนออเดอร์เสร็จก็เดินกลับไปในร้านทันที
“แหม่ แอบดีใจใช่ไหมละที่ผมสั่งของโปรดให้ : )”
“ฉันไม่ต้องการค่ะ” รอยยิ่มกวนประสาทแบบนี้ ไม่ชอบเลย...
เพราะฉันไม่เคยอ่านความคิดเขาออกเลย...
“ปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นแบบนี้ ไม่น่ารักเลยรู้ไหม?”
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะคะ แต่ดูเหมือนว่าคุณแต่ทำเพื่อผลประโยชน์อะไรสักอย่าง จริงไหมละคะ?” คนๆ นี้ เคยทำอะไรเพื่อคนอื่นที่ไหนกัน ถึงจะทำ แต่นั้นก็เป็นเพราะเขาได้ผลประโยชน์อยู่บ้างต่างหาก
แต่ถ้าเขาหวังดีกับฉันจริงๆ ฉันก็คงมีความสุขไม่น้อย....
...แต่มันคงไม่มีวันนั้น
“ใส่ร้ายกันแบบนี้ได้ยังไงเท็ตสึยะ? ผมทำดีกับเธอ แล้วผมได้ประโยชน์อะไรเหรอ? : )”
“...” ก็จริงของเขา...
มันจะมีประโยชน์อะไร...
...ก็ฉันมันไร้ประโยชน์นี่...
“แล้วคุณมาทีนี่ทำไมคะ?” ฉันเมินคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบเมื่อครู่ของเขา ก่อนจะเป็นฝ่ายถามซะเองบ้าง
“ก็มาหาเท็ตสึยะนั้นแหละ”
“มาหาฉัน? ทำไมเหรอคะ?”
ทั้งๆที่...
เป็นคนไล่ให้ออกมาแท้ๆ...
“ไม่ดีใจหน่อยเหรอ? ผมอุตส่าห์มาหาทั้งที” พูดจงหลงตัวเองเป็นที่สุด...
“ขอบคุณที่ ‘อุตส่าห์’ มาหานะคะ แต่ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องดีใจค่ะ”
“แล้วทำไมต้องทำท่าทีไม่พอใจด้วยละ?” ฉันทำแบบนั้นเหรอ?
“ถ้าทำให้คิดแบบนั้นก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ” ฉันโค้งมากเกินงามเพื่อเป็นการประชดเขา
“เท็ตสึยะ เกลียดผมเหรอ?” คราวนี้สายตาของอาคาชิจังมองมาที่ฉันด้วยใบหน้าจริงจัง
เกลียดงั้นเหรอ?
มันจะเป็นไปได้ยังไงละ...
ก็ในเมื่อ...
...ฉันแอบรักเขามาตลอดเลย...
ในอดีต
แย่จังเลย ดังเผลอทำเงินที่ต้องใช้ทั้งสัปดาห์หายซะได้....
จะทำยังไงดีนะ....?
“เท็ตสึยะ ทำไมยังไม่กลับบ้านละ?” น้ำเสียงอบอุ่นดังขึ้นจากด้านหลังของฉัน ทำให้ฉันต้องหันไปมอง
“อ๊ะ! อาคาชิคุงนี่เอง พอดีฉันทำเงินที่ต้องใช้ในสัปดาห์นี้หายน่ะค่ะ...” ฉันบอกปัญหาที่ฉันคิดอยู่ในหัวกับอาคาชิคุง “แย่จังเลยน๊า ตัวฉันเนี้ย ^^”
“ทำงานพิเศษไหมละ?”
“งานพิเศษ?” ฉันทวนข้อแนะนำของอาคาชิคุงอีกครั้ง
“ผมกับรุ่นพี่นิจิมูระเปิดภัตตาคารด้วยกันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ ผมจะให้เงินเดือนเธอล่วงหน้าก่อนก็แล้วกัน”
“มะ..ไม่ดีกว่าค่ะ!!! เรื่องงานฉันก็สนใจอยู่ แต่ถ้าจะให้เงินเดือนก่อนแบบนี้ ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ!” ฉันรีบปฏิเสธทันที เพราะไม่อยากเอาเปรียบคนอื่นที่ทำงานที่นั้น
“แต่เท็ตสึยะกำลังเดือดร้อนนี่ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ไปทำงานกับผม....นะ” รอยยิ้มที่อบอุ่นขอบอาคาชิคุง ทำให้ฉันใจเต้นแรง รวมถึงความหวังดีของเขาที่เขามอบให้ฉัน
สำหรับคนจืดจางอย่างฉันแล้ว แค่ให้ใครสักคมมองเห็น ยังเป็นเรื่องยาก
แต่เขากลับหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้กับฉัน...
รวมถึงรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นนี่ด้วย...
“ค่ะ... ขอบคุณนะคะ แล้วฉันจะพยายามค่ะ ^^”
“นั้นไปกันเถอะ ฉันจะพาไปนะ...และก็…”
“?”
“เธอน่ะ ไม่ได้แย่หรอกนะ เท็ตสึยะ : )”
คำพูดนั้น....
ทำให้หัวใจของฉัน..
ถูกขโมยไป
หลังจากนั้น ฉันทำงานที่ภัตตาคารเทย์โควที่อาคาชิคุง และรุ่นพี่นิจิมูระเป็นเจ้าของร่วมกัน
จนกระทั่ง รุ่นพี่นิจิมูระต้องไปทำงานต่างประเทศที่โรงเรียนหญิงล้วน....
เรื่องเลวร้ายก็เกิดขึ้น...
“มุราซากิบาระ อย่ากินของในร้านนะคะ (นาโดะดาโยะ)!!!” ผู้จัดการสาว ‘มิโดริมะ ชินทาโร่’ เอ็ดพ่อครัว ‘มุราซากิบาระ อัตสึชิ’
“มิโดจินขี้บ่น...ก็คนมันหิวนี่...ทีอาโอมิเนะจินยังโดดงานได้เลย....”
“อาโอมิเนะจิบอกว่า ‘คนที่ลดเงินเดือนฉันได้ มีแค่ฉันเท่านั้น’ หนิคะ....ฉันพูดอะไรไม่ถูกจริงๆ” นักร้องสาวประจำร้าน ‘คิเสะ เรียวตะ’ พูดประโยคที่ ‘อาโอมิเนะ ไดกิ’ แฟนหนุ่มของเธอพูดอยู่บ่อยๆ ให้ฟัง
“พูดแบบนั้นได้ยังไงคะ(นาโนะดาโยะ)!? อาคาชิ จะเอายังไงละทีนี้?” มิโดริมะจังหันไปถามอาคาชิคุง
อาคาชิคุงตอนนี้...สภาพเหมือนคนไม่ได้พักผ่อนมาหลายคืน...
“ช่างมันสิ”
“ห๊า!?” คิเสะจังหันไปมองอาคาชิคุงทันทีเมื่อได้ยินคำนั้น “อาคาชิจิ พูดว่ายังไงนะ!?”
“ช่างมันสิ!!!! ไอ้ร้านที่ไม่มีรุ่นพี่นิจิมูระน่ะ ผมไม่สนใจหรอก!!!!” คราวนี้อาคาชิคุงตะโกนลั่น
นี่เขา.....ชอบรุ่นพี่นิจิมูระเหรอ?
“อาคาชิ นายอย่าทำให้ทุกอย่างแย่ลง เพราะผู้หญิงคนเดียวได้ไหม?” มิโดริมะจังพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“มันเรื่องของผม...” อาคาชิคุงพูดจบก็เดินออกนอกร้านไป...
“อาคาชิคุง...” ฉันเดินตามอาคาชิคุงออกมาข้างนอก หวังเพียงว่าจะปลอบใจเขา หรือทำให้เขาสบายใจขึ้นบ้าง
“มีอะไรเท็ตสึยะ?” เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ฉันว่า....อาคาชิคุง น่าจะคุยกับทุกคนดีๆ นะคะ” ฉันเข้าไปใกล้เขา มากขึ้น แต่กลับต้องถอยห่างออกมาย่างรวดเร็ว
“อย่ามาสั่งผม!!! ฉันไม่ต้องการ! พวกนั้นจะลาออกก็ช่างหัวมัน!” อาคาชิคุงตวาดลั่น ทำให้ฉันตกใจอย่างมาก
อะไรกัน?
นี่มันอะไรกัน?
“ทำไมพูดอย่างนี้ละอาคาชิคุง? ทุกคนพยายามก็เพื่อร้านนี้นะคะ ทำไมถึงพูดเหมือนพวกเขาไม่มีความหมายละคะ!?” ฉันตะโกนถามเขาด้วยน้ำตาที่ไม่รู้มาจากไหน
ทั้งๆ ที่ทุกคนทุ่มเทแท้ๆ
ทั้งๆ ที่ฉันก็ทุ่มเทด้วยแท้ๆ ...
“ก็มันไม่มีความหมายนี่...”
“เอ๊ะ?” นี่เขา...พูดอะไร?
“มันไม่มีความหมายอยู่แล้ว..”
“...” อย่าบอกนะว่า...
“ทั้งคนพวกนั้น...”
“…”
ไม่นะ...
ไม่จริงใช่ไหม?
“…และก็เธอ”
...หัวใจของฉัน...
“ไม่ได้มีความหมายอะไรกันผมเลย”
...แตกสลาย...
กลับมาสู่ปัจจุบัน
ใช่ ฉันแอบรักเขามาตลอด ...
เพราะเขาอ่อนโยน
เพราะเขาอบอุ่น
เพราะเขามองเห็นฉัน
เพราะเขาหยิบยื่นความรู้สึกดีๆ ให้ฉัน สิ่งที่ฉันไม่เคยได้รับจากคนอื่น
แต่ฉันผิดเอง ที่ไม่รู้ว่าเขาแอบชอบรุ่นพี่นิจิมูระอยู่
ฉันผิดเองที่รักเขา...
มันเป็นเหตุผลที่ฉันต้องมาเจ็บปวดแบบนี้
แต่ถึงอย่างนั้น...
ฉันก็ไม่คิดจะเกลียดผู้ชายคนนี้เลย....
“เครื่องดื่มมาแล้วค่ะ ขออภัยที่ให้รอนะคะ ^^” ฟุริฮาตะจังเสริฟเครื่องดื่มที่อาคาชิคุงสั่งลงบนโต๊ะหลังจากที่หายไปในร้านนานสองนาน “ทานให้อร่อยนะคะทั้งสองคน” เมื่อพูดจบฟุริฮาตะจังก็เดินกลับเข้าไปในร้านดังเดิม
“ขอบคุณครับ : )” อาคาชิคุงยกคาปูชิโน่ร้อนขึ้นมาจิบเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามามองฉัน “ดื้มซะหน่อยสิเท็ตสึยะ วานิลลาเชค ของโปรดของเธอไง”
“ฉันไม่หิวค่ะ” ฉันเลือกที่จะปฏิเสธ เพราะความทรงจำที่เจ็บปวดที่ฉันคิดเมื่อครู่นี้ ทำให้ฉันไม่อยากจะกินอะไรทั้งนั้น
“นั้นๆ ที่เป็นของที่เธอชอบแท้ๆ เลยน๊า....” อาคาชิคุงพูดด้วยท่าทางกวนประสาทเล็กน้อยก่อนจะวางแก้วคาปูชิโน่ร้อนลง แล้วหยิบแก้ววานิลลาเชคขึ้นมา “ผมขอลองได้ใช่มั๊ย?”
“เรื่องของคุณค่ะ” สั่งเองก็ดื่มเองสิ อีตาบ้าตาสองสี (รู้สึกเหมือนติดโรคเล่นคำมาจากรุ่นพี่อิสึกิ)
“...หวาน” เมื่ออาคาชิคุงรับรสของวานิลลาเชตเพียงเล็กน้อยก็ออกความเห็น ก่อนจะวางแก้วลง
“ปกติหนิคะ จะให้รสชาติเหมือนเต้าหู้หรือยังไง?”
“ปากร้ายจังน๊าาา....แล้ว คำตอบละ?”
“คำตอบ?”
“ก็ที่ผมถามค้างไว้ไง....เท็ตสึยะ เกลียดผมเหรอ?”
...ฉันไม่ชอบคำถามนี้เลย...
“ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องตอบค่ะ” เพราะฉันไม่อยากตอบต่างหากละ ก็แค่หาเรื่องอ้างไปเท่านั้น
“ไม่ตอบก็ได้ แต่ผมน่ะ ไม่ได้เกลียดเท็ตสึยะหรอกนะ” อาคาชิคุงพูดเสียงเรียบด้วยสีหน้าจริงจัง
“งั้นเหรอคะ? ฉันคิดว่ามันคงไม่เป็นอย่างนั้น”
...ก็ฉัน...
...มันไม่มีความหมายอะไรเลย...
ฉันไม่สามารถอ่านความคิดของเขาออกได้เลย...
“เธอไม่ต้องบอกในสิ่งที่เธอคิดก็ได้ เพราะไม่ว่ายังไง ฉันก็คงบังคับให้เธอพูดออกมาไม่ได้อยู่ดี”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” เอาปืนมาจ่อหัวฉัน ฉันก็คงไม่บอกหรอกค่ะ
“แต่ผมจะบอกความรู้สึกของผมเอง....เพราะนั้นคือสิ่งที่ผมทำได้”
“ความรู้สึก?” เขาพูดอะไรของเขาเนี้ย?”
“ผมชอบเธอนะ เท็ตสึยะ”
“!!!”
เขาพูดบ้าอะไรเนี้ย?
เขาเป็นคงพูดเองว่ามันไม่สำคัญ
จะออกไปซะก็ไม่เป็นไร
ฉันไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขาเลย
แล้วนี่เขาพูดอะไรเนี้ย!!!?
“ช่วยอย่าล้อเล่นกับเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ด้วยค่ะ อาคาชิคุง” ฉันพยายามพูดให้น้ำเสียงสั่นน้อยที่สุด
...อย่าแต่งเรื่องโกหกได้ไหมอาคาชิคุง
สำหรับคนที่แอบรักข้างเดียวอย่างฉัน
มันหวั่นไหวนะคะ
“ผมรู้เท็ตสึยะ ว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน...แต่ผมพูดเรื่องจริง”
“แต่อาคาชิคุงเป็นคนพูดเองว่าฉันไม่มีความหมายอะไร ไม่ใช่เหรอคะ?” ฉันย้อนประโยคที่อาคาชิคุงเคยพูดกับฉันให้เขาฟัง
“ผมรู้เท็ตสึยะ ผมจำได้ และเป็นคำพูดที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของผม”
“ผิดพลาด? มันมีอะไรผิดพลาดละกันคะ?” เพราะแบบนี้ยังไงละ ฉันถึงไม่เคยอ่านความคิดเขาออกเลย
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น เท็ตสึยะ ถ้านั้นทำให้เธอเกลียดผม ผมต้องขอโทษด้วย” อาคาชิคุงโค้งเล็กน้อยเชิงขอโทษ
‘ผมต้องขอโทษด้วย’
เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้ยินคำๆ นี้จากปากของเขา ไม่รู้ว่าเพราะเขาเป็นคนเหย่อหยิ่ง หรือเพราะไม่มีเหตุการณ์ที่ต้องขอโทษกันแน่ แต่นั้นไม่ทำให้ฉันเอะใจเท่าไหร่...
ฉันคิดไปเองหรือเปล่าว่าเขาขอโทษฉัน เพราะว่า...
เขาแคร์ฉัน
“นี่มันอะไรกันคะอาคาชิคุง? ความรู้สึกของฉันมันมีความหมายกับคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตั้งแต่แรกแล้วละเท็ตสึยะ”
“!?”
“ผมหลงรักเธอ ตั้งแต่แรกเห็นแล้ว”
“แต่อาคาชิคุงชอบรุ่นพี่นิจิมูระไม่ใช่เหรอคะ!!?” ฉันตะโกนสิ่งที่ค้างคาใจมาตลอดออกไป เพราะตั้งแต่รุ่นพี่นิจิมูระไปต่างประเทศ อาคาชิคุงก็เปลี่ยนไป แถมเขายังเป็นคนบอกเองว่า ร้านที่ไม่มีรุ่นพี่นิจิมูระมันไม่มีความหมาย
ตอนนี้เขากลับมาบอกว่าตกหลุมรักฉัน
แล้วเขาไม่ได้ชอบรุ่นพี่นิจิมูระหรอกเหรอ?
“เรื่องนั้นน่ะ ผิดที่ผมเอง ที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง”
“ความรู้สึก?” ความรู้สึกของอาคาชิคุง? มันคือยังไงกันแน่?
“ก่อนที่ผมจะพบเท็ตสึยะ ผมรู้จักกับรุ่นพี่นิจิมูระมาก่อน ซึ่งเธอก็คงรู้”
“ค่ะ เรื่องนั้นฉันทราบดี” ฉันรู้ว่าฉันมาที่หลัง เขาจะย้ำทำไม?
“ผมรู้สึกว่าผมชอบรุ่นพี่มากๆ ผมทุ่มเททุกอย่าง พยายามหลายๆ อย่าง เพื่อรุ่นพี่นิจิมูระ” อาคาชิคุงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักแน่น
“มันก็ชัดเจนนี่คะว่าอาคาชิคุงชอบรุ่นพี่นิจิมูระ” แล้วจะมาบอกฉันให้เจ็บปวดทำไมกัน
“ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้น จนกระทั่งผมมาเจอเธอ เท็ตสึยะ”
“เจอฉัน?” หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นอย่างน่าประหลาดเมื่อได้ยินประโยคนั้น
“ใช่ เด็กผู้หญิงที่แสนอ่อนโยน ที่มาพร้อมกับกลิ่นอ่อนๆ ของวานิลลา ผมรู้สึกได้เลยว่า เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่แตกต่างกับคนอื่นๆ และนั้นทำให้ผมหันมามองเธอ” เมื่อฉันได้ยินอย่างนั้น ฉันก็พอจะรู้ได้ทันที ว่าเหตุผลที่อาคาชิคุงเข้ามาหาฉัน โดยที่คนอื่นๆเมินใส่ฉัน มันเพราะอะไร...
แต่ว่านะ...
“อาคาชิคุง ชอบรุ่นพี่นิจิมูระไม่ใช่เหรอคะ? แล้วจะมาชอบฉันอีกได้ยังไง ทั้งๆ ที่บอกว่ามันละเอียดอ่อนแท้ๆ แต่ทำไมถึงพูดแบบนี้ละคะ!?” นี่เขาคิดจะควบสองหรือยังไงกัน!?
“มันต่างกันนะเท็ตสึยะ ผมรู้จักกับรุ่นพี่ เพราะรุ่นพี่เข้ามาหาผม ชวนไปเปิดภัตตาคารด้วยกัน และผมก็หลงใหลในความเป็นผู้ใหญ่ของรุ่นพี่นิจิมูระ แต่เธอไม่ใช่แบบนั้นเท็ตสึยะ เธอคือคนที่ดึงดูดผมเข้าไปหา ทำให้ผมสนใจในตัวเธอ โดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่เธอเป็นเธอ มันก็ทำให้หัวใจของผมเปลี่ยนไป แต่ในตอนนั้นความรู้สึกของผมกับรุ่นพี่นิจิมูระมันก็ยังหลงเหลืออยู่ พอรุ่นพี่จากไป มันเลยทำให้ผมรู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรไปบางอย่าง และคำพูดพวกนั้น ก็มาจากความรู้สึกนี้นั้นแหละ” อาคาชิคุงร่ายยาว ทุกคำที่เขาพูดฉันได้ยินชัดเจน หัวใจที่เต้นแรงของฉัน เต้นแรงขึ้นยิ่งกว่าเก่า
“แบบนั้นไม่ได้หมายความว่า อาคาชิคุงชอบฉันสักหน่อยนี่คะ” เท่าที่ฟังเขาพูดมา มันก็ยังเหมือนเขาชอบรุ่นพี่นิจิมูระอยู่ดี
เจ็บปวด...
“ผมรู้สึกตัวช้าไปต่างหาก...เพราะหลังจากที่เธอหายไป....” อาคาชิคุงสบตาฉันก่อนจะพูดต่อ “ผมถึงได้เข้าใจคำว่า สูญเสียสิ่งสำคัญไป อย่างแท้จริง” น้ำเสียงขอาคาชิคุงยังคงจริงจังเหมือนก่อนหน้านี้...
หมายความว่า....
ฉันคือสิ่งสำคัญงั้นเหรอ?
“หมายความว่ายังไงคะอาคาชิคุง ช่วยอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ด้วยค่ะ” แบบนี้มัน...ยังชัดเจนไม่พอ
“พอผมคิดทบทวนตัวเองดีๆ ตอนที่ฉันไม่ได้เจอรุ่นพี่นิจิมูระ มันก็แค่เหงา แต่กับเท็ตสึยะ เมื่อหายไปแบบนี้ มันวุ่นวายใจยังไงก็ไม่รู้ ความแตกต่างก็คือ ผมไม่เคยคิดจะตามนิจิมูระไป ทั้งๆที่ก็ผมทำได้กลับไม่ทำ แต่ผมต้องการที่จะตามหาเท็ตสึยะ ตามหาเธอ อยากจะพบเธอ อยากเจอเธอมากๆ ผมคิดว่า ถ้าผมไม่ได้เจอเธอ ไม่ได้บอกความรู้สึกนี้กับเธอ ความรู้สึกสูญเสียสิ่งคำสัญนั้นมันจะไม่หายไปจากชีวิตของผม”
“...นั้นคือเรื่องจริง จริงๆ ใช่ไหมอาคาชิ....คุง?” ฉันถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย...
ถ้านั้นเป็นเรื่องจริง...
ฉันก็คงมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว....
“ผมไม่มีเหตุผลจะต้องโกหกอยู่แล้ว....มันคือเรื่องจริง”
สิ่งที่ฉันโหยหามาแสนนาน...
ฉันได้รับมันมาแล้วจริงๆ...
“นี่ฉัน....ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?” น้ำตาของฉันล้นเอ่อออกมาจากตาอย่างไม่รู้ตัว......
“เท็ตสึยะ..” อาคาชิคุงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันทำให้ฉันจ้องเขาตาไม่กระพริบ
ยืดดดดดดดด ~
“อาอาอิ๊อุง!!! อันเอ๊บอ๊ะอ๊ะ (อาคาชิคุงมันเจ็บนะคะ)”
“ก็จะได้รู้ไงว่าไม่ใช่ความฝัน : )” อาคาชิคุงปล่อยมือที่ดึงแก้มฉันอยู่ออก ก่อนจะถอยหน้าออกไปแล้วนั่งท่าปกติ
...นึกว่าจะจูบซะอีก
...รู้สึกอายยังไงก็ไม่รู้...
แต่ดีจังเลย...
ที่ไม่ใช่ความฝัน
“เล่นอะไรไม่เข้าท่าเลยนะคะอาคาชิคุง” ฉันลูบแก้มตัวเองเล็กน้อยเพื่อบรรเทาความเจ็บที่แก้ม
“นั้นช่วยบอกผมหน่อยได้ไหม ความรู้สึกของเท็ตสึยะน่ะ : )” รอยยิ้มที่มีเลศนัยของอาคาชิคุงกลับมาอีกครั้ง...
ช่วยไม่ได้แล้วสินะ...
“ฉันก็ชอบอาคาชิคุงค่ะ ^^” มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ต้องบอกความรู้สึกที่เก็บไว้มานานออกไปสิ
“เฮ้อ...นึกว่าจะอกหักซะแล้วสิ” อาคาชิคุงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยอย่างโล่งอก
“พูดอย่างนั้นได้ยังไงละคะ? ทางนี้ต่างหากละที่ควรพูด... เคยพูดอะไรกับฉันไว้บ้าง ฉันเสียใจนะคะ -)^(-” ฉันพองแก้มเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ
“โอ๋ๆ ขี้น้อยใจจังนะเท็ตสึยะจัง : )”
“ไม่ต้องมาเติมจังเลยนะคะ ขนลุก!” ฉันพูดจบก็คว้าแก้ววานิลลาเช้คตรงหน้าขึ้นมาดื้มด้วยความเคยชิน
“โอ๊ะโอ.... จูบ ทาง อ้อม : )”
“ฮึก! แค่ก! แค่กๆ!” ฉันสำนักวานิลลาเชคทันทีเมื่อได้ยินคำนั้น
จริงสิ..
เขาดื่มวานิลลาเชคแก้วนี้ไปแล้วนี่...
นี่มัน...
จูบทางอ้อมสินะ!!!! O///////O
“ไม่ต้องตกใจมากถึงขนาดนั้นก็ได้ เธอเป็นคนจูบเองนะเท็ตตสึยะ...” อาคาชิคุงพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดีพลางจิบคาปูชิโน่ร้อนของตัวเองอย่างมีความสุข
“อย่าคิดว่าฉันอยากจูบทางอ้อมกับอาคาชิคุงสิคะ! =////=” มันผิดที่ฉันเองจริงๆ นั้นแหละ อายๆ ๆ ๆ !!!
“อยากจูบทางตรงมากกว่างั้นสิ? : )”
“อาคาชิคุง!!! บากะ!!!! >//////<” อีตาบ้าอาคาชิคุง!!!!
“งั้น....” อยู่ดีๆอาคาชิคุงก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้ฉันมากกว่าเมื่อกี้
จุ๊บ
“O////////O”
“วานิลลาเชคหวานขึ้นเยอะเลยนะ : )”
อาคาชิคุง...
จุ๊บที่ริมฝีปากของฉัน....
“ทำบ้าอะไนคะเนี้ย!? O///O” ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้หัวใจของฉัน แทบจะระเบิดอยู่แล้ว!
“นั้นสินะ บ้าจริงๆ เลยน๊า...ดูสิ หน้าแดงใหญ่เลยนะเท็ตสึยะ : )”
“กะ..ก็แค่อากาศมันร้อนต่างหากเล่า! >///<” ฉันรีบเอามือเข้ามาปิดหน้าทันที นี่หน้าฉันแดงขนาดนั้นเลยเหรอ!?
“สงสัยฉันจะให้ความอบอุ่นมากเกินไป (เสี่ยวมากอาคาชิ)” อาคาชิคุงกลับไปนั่งที่ของตัวเองก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา “เป็นแฟนกันมั๊ย เท็ตสึยะ?”
“O/////O!!!” ฉันได้แต่อึ้งกับคำพูดของอาคาชิคุง มือของอาคาชิคุงยื่นมาที่ฉัน พร้อมกับพวงกุญแจรูปวานิลลาเชคแทนน่ารัก นี่เขาหาของแบบนี้มาจากไหนเนี้ย?
แต่มันไม่สำคัญเท่า
เขาพูดอะไรเนี้ย!?
“มันจะดีเหรอคะ...?” ฉันก็เขินนะ...
“ใจตรงกันแล้วนะ อะไรละที่จะไม่ดี? : )”
“คบกันแล้ว...ฉันไม่อนุญาตให้นอกใจนะคะ...”
“รักเดียวใจเดียว เท็ตสึยะคนเดียวก็รักจนเหนื่อยแล้ว ตกลงนะ? : )”
“...เซย์จูโร่บ้า! -////-” ฉันเปลี่ยนจากเรียนนามสกุลของเขาเป็นเรียกชื่อต้นแทน...
ทำไมถึงเปลี่ยนน่ะเหรอ?
“เรียกแบบนี้อย่ามาขอเลิกแล้วกัน ที่รัก : )”
“เซย์จูโร่คุงนั้นแหละ! >//////////<”
ดีใจเลยนะความรู้สึกนี้....
มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลย...
ความฝันเป็นจริงแล้ว ^_^
[Akashi Seijuro]
“ดื่มวานิลลาเชคให้หมดสิ” ผมบอกเท็ตสึยะ ‘แฟนสาว’ ของผมที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“หมดเวลาพักแล้ว ไม่ดื่มแล้ว -)///^///(-” ท่าทางเขินๆ น่ารักๆ ของเธอ ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้จริงๆ
“อยากจูบทางตรงมากกว่าทางอ้อมอีกเหรอ?” ผมถามเพื่อแกล้งเธอเล่นๆ และเหมือนมันจะได้ผล
“เซย์จูโร่บ้า! ไปทำงานแล้ว ชิ! -)///^///(-” เท็ตสึยะไม่พูดเปล่า คว้าแก้ววานิลลาเชคแก้วเดิมขึ้นมาแล้วดื่มจนหมด “ไปทำงานแล้ว อยู่กับเซย์จูโร่บ้านาน เดี๋ยวจะบ้าตาม” เธอพูดหยอกผมก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูร้าน
“เท็ตสึยะ” ผมหันไปเรียกเธอก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในร้าน
“หื้ม?” เธอหันมามอองผมด้วยสีหน้าสงสัย
“เดี๋ยวเลิกงานผมไปส่งนะ จะรออยู่ตรงนี้แหละ : )”
“ตามใจสิ -/////-” เท็ตสึยะหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าร้านไป..
แฟนใครก็ไม่รู้ น่ารักจริงๆ
ทุกคนอาจจะคิดว่าผมในอดีตเป็นคนไม่ดี และผมก็คิดแบบนั้นหมือนกัน หึ น่าตลกสิ้นดี ผมตอนที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเนี้ย งี่เง่าเป็นบ้าเลย
แต่สุดท้ายก็เข้าใจนี่นะ...
ในอดีต
ผมแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่ง นั้นก็คือ ‘นิจิมุระ ชูโซ’ รุ่นพี่ของผม
รุ่นพี่ใจดีกับผมมาก ทำให้ผมแอบชอบพี่เขาตลอดมาตั้งแต่ที่ได้เจอ...
คาบคหกรรม
“นี่! อาคาชิ ฉันเอาน้ำตาลมาให้แล้ว” ไดกิเพื่อนร่วมทีมในวิชาคหกรรมของผมเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับกระบุกที่บรรจุเกล็ดขาวๆ ในมือ
“นั้นมันเกลือนะไดกิ....” ผมมองสิ่งที่ไดกิถือมาก่อนจะพูดออกไป
“เห้ย! นายยังไม่ดูดีๆเลย อย่าพูดมั่วสิเฟ้ย!”
“มันเขียนอยู่ข้างกระปุกนี่ไง...” ผมชี้ไปที่ตัวหนังสือข้างกระปุกที่เขียนว่าเกลือ
“นี่ฉันต้องวิ่งไปหยิบใหม่อีกใช่ไหมเนี้ย...?” ไอกิกุมขมับเล็กน้อยอย่างเบื่อหน่าย
“ฉันไปเองดีกว่า นายรออยู่นี่แหละ” ผมเดินออกจากห้องไปพร้อมกระปุกเกลือที่ไดกิหยิบมาผิด ถ้าให้ไดกิไปอีก มีหวังเสียเวลาไปอีกมากแน่ๆ...
ผมเดินเข้าไปในห้องวัตถุดิบอาหารที่อยู่ห่างกับห้องคหกรรมพอควร แต่เมื่อผมมาถึงก็ถึงกลับชะงัก
กลิ่นวานิลลา...
มีใครทำกลิ่นวานิลลาหกหรือเปล่านะ?
ช่างเถอะ...
“น้ำตาล...น้ำตาล...เครื่องปรุงสินะ” ผมเดินเข้าไปที่ตู้เก็บเครื่องปรุงเมื่อเห็นป้ายหน้าตู้
ปึก!
“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ!”
“ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ขอโทษครับ” ผมโค้งเล็กน้อยเป็นการขอโทษ แปลกคนจังเลยนะ โดนชนแท้ๆ แต่กลับขอโทษแบบนี้
...ว่าแต่...
“เธอมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ผมก้มหน้ามองเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วยความสงสัย ตอนที่ผมเดินเข้ามา ไม่เห็นจะมีใครอยู่ในนี้เลย หรือว่าเธอจะเดินตามผมมา?
“ฉันยืนอยู่แต่แรกแล้วค่ะ ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะคะ ฉันจืดจางไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นเท่าไหร่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ ^^” เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกล่าวขอโทษ
“งั้นเหรอ...” ผมอึ้งเล็กน้อยกับความแปลกประหลาดของเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระปุกน้ำตาลที่อยู่ใกล้ๆเธอ..
นี่มัน....
กลิ่นวานิลลา….
กลิ่นมาจากเด็กคนนี้เองเหรอเนี้ย?
“เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าคะ จ้องฉันแบบนี้แนกลัวนะคะ”
“โทษที” เมื่อผมได้สติก็รีบคว้ากระปุกน้ำตาลแล้วก้าวเท้าไปที่ประตูห้อง แต่ก็หยุดชะงัดแล้วหันมามองเธอคนนั้นอีกครั้ง “ผม อาคาชิ เซย์จูโร่ เธอชื่ออะไรเหรอ?”
“ฉันชื่อ คุโรโกะ เท็ตสึยะ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ^^” เธอยิ้มและตอบคำถามของผมด้วยท่าทางสุภาพและเป็นมิตร
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เท็ตสึยะ” ผมพูดจบก็เดินกลับไปที่ห้องคหกรรมทันที
น่าสนใจแหะ...
กลิ่นวานิลลา..
นั้นคือครั้งแรกที่ผมได้พบเธอ....
และหลังจากนั้นไม่นาน เท็ตสึยะก็มาทำงานที่ภัตตาคารขอผมกับรุ่นพี่นิจิมูระด้วยเหตุผลสุดวิสัย
เรื่องมากมายเกิดขึ้น รุ่นพี่นิจิมูระ จะไปต่างประเทศ...
ผมใจหายอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่กินไม่นอน และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ...
ผมพาลใส่ทุกคนในร้าน....
รวมถึงเท็ตสึยะ....
วันหนึ่ง ณ ภัตตาคารเทย์โคว
มันเปลี่ยนไป....
มันไม่เหมือนเดิม...
เหมือนอะไรหายไป...
ที่ไม่ใช่รุ่นพี่นิจิมูระ...
“นี่ๆ คิเสะจิน คุโรจินไปไหนง่ะ...” อัตสึชิที่กำลังทำเค้กอยู่หันไปถามเรียวตะที่กำลังปรับสายกีต้าร์อยู่
“นั้นสินะคะ...ปกติต้องมาถึงนานแล้วสิ มิโดริมะจิพอจะรู้อะไรบ้างไหม?” คราวนี้ปเป็นเรียวตะที่ถามชินทาโร่
“ไม่มาแล้วละ คุโรโกะน่ะ เขาบอกฉันว่าจะลาออก แล้วก็ส่งใบลาออกมาแล้วด้วย เงินเดือนก็ไม่รับ”
“อะไรนะชินทาโร่!?” ผมเดินเข้าไปหาชินทาโร่ทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“คุโรโกะลาออกไปแล้ว จะไม่กลับมาแล้วด้วยค่ะ! เมื่อวานเขาเอาใบลาออกมาให้ฉัน แล้วบอกฉันว่าจะไม่รับเงินเดือนค่ะ” ชินทาโร่ที่เป็นผู้จัดการ และรับผิดชอบส่วนของพนักงานพูดแบบนั้น ผมก็ถึงกับช็อค
ทั้งๆ ที่อัตสึชิกำลังตีแป้งเค้กที่มีส่วนผสมของกลิ่นวานิลลาแท้ๆ....
แต่ผมไม่รู้สึกถึงกลิ่นที่แสนหอมหวานของมันเลย...
ผมเองสินะที่ผิด....
เวลาผ่านไป ผมได้เปิดภัตตาคารใหหม่ นั้นคือภัตตาคาร ราคุซัน และตลอดมาตั้งแต่ตอนนั้น ผมก็ตามหาประวัติและสืบหาที่อยู่ของเท็ตสึยะ จนกระทั่งได้รู้ว่าตอนนี้เธอทำงานอยู่ที่คาเฟ่เซย์รินที่อยู่อีกเมืองนึง และแน่นอน ว่าผมต้องไปตามหา....
แต่ถ้าไปบุกโดยไม่วางแผน เสียหน้าแย่...
มือของผมหยิบสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาก่อนจะกดเบอร์โทรศัพท์ผู้จัดการคาเฟ่เซย์ริน
(สวัสดีค่ะ คาเฟ่เซย์ริน ดิฉัน ไอดะ ริโกะ ผู้จัดการร้านพูดสายค่ะ)
“สวัสดีครับ ผม อาคาชิ เซย์จูโร่ ครับ” ผมแนะนำตัวเล็กน้อยเมื่อปลายสายเป็นจุดมุ่งหมายที่ผมต้องการ
(อ๊ะ! อาคาชิคุง เจ้าของภัตตาคารราคุซันนั้นเหรอคะ!?) ปลายสายดูตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อผม
...นั้นก็คงไม่ยุ่งยาก
“ครับ ผมมีอะไรให้ช่วยหน่อย คุณต้องการค่าตอบแทนอะไรผมจะให้ทุกอย่าง”
(งั้นถ้าให้ช่วยเรื่องบริหารร้านคงได้ใช่ไหมคะ!?)
“แน่นอนครับ ถ้าคุณทำตามที่ผมบอก” เมื่ออีกฝ่ายยอมทำตามที่ผมบอกอย่างง่ายดาย ผมก็อดยิ้มไม่ได้
รอผมก่อนนะเท็ตสึยะ....
ผมกำลังจะไปง้อแล้ว....
เมื่อผมใกล้ถึงคาเฟ่เซย์ริน ผมก็หยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง แล้วกดโทรออกที่เบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนร่วมงานของเท็ตสึยะ ตามที่ผู้จัดการเซย์รินคาเฟ่บอก
(ฮะโหล ฟุริฮาตะพูดสายค่ะ)
“ผมเอง อาคาชิ เซย์จูโร่” ผมบอกชื่อของผมเพื่อให้ปลายสายได้รับรู้
(อ๋อ! คนนี้ผู้จัดการบอกนั้นเอง! มีอะไรหรือเปล่าคะ?)
“อีกประมาณห้านาที ผมจะถึงที่นั้นแล้ว เท็ตสึยะอยู่ไหม?” ผมถามเพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของคนที่จะมาง้อ
(อยู่ค่ะ ถ้ามาถึงก็คงจะเวลาพักของคุโรโกะพอดีค่ะ!) เมื่อปลายสายพูดแบบนั้นผมก็อดยิ้มไม่ได้
“ขอบคุณมาก แค่นี้แหละ” ผมกดวางสายเมื่อได้คำตอบ ก่อนจะเก็บสมาร์ทโฟนลงกระเป๋ากางเกงตามเดิม
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง....
ถึงจะเป็นเวลานานที่สับสนกับความรู้สึกกับตัวเอง
ไม่รู้ว่ามันจะสายเกินไปไหม
...แต่ขอให้ได้พูดความรู้สึกนี้ออกไปก็พอ...
กลับมาสู่ปัจจุบัน
ผมมีดีใจและมีความสุขมากๆ ที่เท็ตสึยะก็มีความรู้สึกเดียวกับผม
ถึงจะเผื่อใจไว้บ้างแล้วว่าจะโดนปฏิเสธ หรือเท็ตสึยะจะมีใครแล้วก็เถอะ
แต่ถ้าผลออกมาเป็นอย่างนั้น ก็คงทำใจยากจริงๆ
แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว.....
เพราะคุโรโกะ เท็ตสึยะ เป็นแฟนของผมแล้ว...
ท่าทางเขินอายของเธอ มันน่ารักจนอยากจะเก็บไว้เห็นคนเดียวยังไงก็ไม่รู้
วานิลลาที่หอมหวานของผม...เป็นของผมแล้ว....
จะไม่มีใครแทนวานิลลาคนนี้ได้...
ขอบคุณนะ ไอรักกลิ่นวานิลลา ที่นำพาให้เรา....มาพบกัน : )
--- END ---
เย้!!!! จบแล้วววว รู้สึกยาวมากๆ ฮ่าๆ
อาจมีพิมพ์ผิดบ้าง จะพยายามตามแก้นะคะ
ฉัน/ผม กับ ค่ะ/ครับ
สลับกันไปหมดเลย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ
จะพยายามตามแก้นะคะ ^^
สนุกไม่สนุกอะไรยังไง
ฝากติชมด้วยนะค่าาาา >//////<
ผิดพลาดอะไรก็ขอโทษมาด้วย ณ ที่นี้
เพราะรู้สึกว่าพิมพ์ผิดเยอะมาก
และก็หลุดคาแรคเตอร์ตัวละครบ้าง ฮ่าๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่าาาา
ฝากติชมด้วยค่ะ!! >O<!!!
ผลงานอื่นๆ ของ Tang'Mo_3in1 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Tang'Mo_3in1
ความคิดเห็น